ทฤษฎี คูลลิ่งทาวเวอร์

คูลลิ่งทาวเวอร์ (Cooling Tower) คืออะไร ? หลักการทำงานและประเภทที่ควรรู้

คูลลิ่งทาวเวอร์ หรือ Cooling Tower เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในอุตสาหกรรมที่ต้องการระบายความร้อน เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม และระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ โดยใช้หลักการถ่ายเทความร้อนจากน้ำไปสู่อากาศเพื่อลดอุณหภูมิของน้ำก่อนนำกลับมาใช้ใหม่
คูลลิ่งทาวเวอร์ หรือหอทำน้ำเย็นสามารถแบ่งตาม ลักษณะการหมุนเวียนของอากาศ ได้เป็น 2 ระบบหลัก ได้แก่
1. คูลลิ่งทาวเวอร์แบบดูดอากาศตามธรรมชาติ (Natural Draft Cooling Tower)
คูลลิ่งทาวเวอร์ชนิดนี้ใช้หลักการไหลเวียนของอากาศตามธรรมชาติ โดยอากาศจะลอยตัวขึ้นเมื่อได้รับความร้อน ทำให้เกิดแรงดันต่ำด้านบนและดูดอากาศเย็นเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนความร้อนและลดอุณหภูมิของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ข้อดี: ไม่ต้องใช้พัดลม จึงช่วยประหยัดพลังงาน
  • ข้อเสีย: ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและทิศทางลม
  • การใช้งาน: นิยมใช้ในโรงไฟฟ้าหรือโรงงานขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบระบายความร้อนสูง  ดูรูปที่ 1
2. คูลลิ่งทาวเวอร์แบบดูดหรือเป่าอากาศทางกล (Mechanical Draft Cooling Tower)
คูลลิ่งทาวเวอร์ประเภทนี้ใช้ พัดลม หรือ Blower เพื่อช่วยหมุนเวียนอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อน สามารถติดตั้งได้ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
2.1 คูลลิ่งทาวเวอร์แบบ Forced Draft (เป่าอากาศเข้า)
  • พัดลมติดตั้ง ด้านล่างของหอระบายความร้อน และทำหน้าที่เป่าอากาศเข้า
  • ควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้ดีและมีแรงดันอากาศสูง
  • เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการการควบคุมการไหลของอากาศ ดูรูปที่ 2
2.2 คูลลิ่งทาวเวอร์แบบ Induced Draft (ดูดอากาศออก)
  • พัดลมติดตั้ง ด้านบนของหอระบายความร้อน เพื่อดูดอากาศออก
  • มีประสิทธิภาพสูงในการถ่ายเทความร้อน และลดโอกาสที่ไอน้ำจะย้อนกลับเข้าหอ
  • เป็นระบบที่นิยมใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรม ดูรูปที่ 3
Image

รูป 1

Image

รูป 2

Image

รูป 3

ประเภทของคูลลิ่งทาวเวอร์ตามทิศทางการไหลของน้ำและอากาศ
นอกจากการแบ่งตามกลไกการไหลเวียนของอากาศแล้ว คูลลิ่งทาวเวอร์ หรือ Cooling Tower ยังสามารถแบ่งตามลักษณะการแลกเปลี่ยนความร้อนของน้ำและอากาศได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. คูลลิ่งทาวเวอร์แบบ Cross Flow (ไหลตัดกัน)
  • น้ำจะไหลลงในแนวดิ่งผ่านแผงกระจายน้ำ (Filler)
  • อากาศจะไหลผ่านในแนวนอน
  • ข้อดี: ใช้พลังงานพัดลมน้อย ความต้านทานอากาศต่ำ
  • ข้อเสีย: ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนต่ำกว่าระบบ Counter Flow
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการประหยัดพลังงาน ดูรูปที่ 4
2. คูลลิ่งทาวเวอร์แบบ Counter Flow (ไหลสวนทางกัน)
  • น้ำจะไหลลงในแนวดิ่งผ่านแผงกระจายน้ำ
  • อากาศจะไหลสวนขึ้นด้านบน ทำให้เกิดการถ่ายเทความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
  • ข้อดี: สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่า Cross Flow
  • ข้อเสีย: ใช้พลังงานพัดลมมากขึ้นเพราะมีแรงต้านอากาศสูง
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ดูรูปที่ 5
Image

รูป 4

Image

รูป 5

ทำไมต้องเลือกคูลลิ่งทาวเวอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน?
✅ ช่วยลดการใช้พลังงาน – ระบบที่เหมาะสมช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าในระยะยาว
✅ ประสิทธิภาพสูง – สามารถลดอุณหภูมิของน้ำได้รวดเร็วและมีเสถียรภาพ
✅ รองรับการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม – ใช้ได้กับโรงไฟฟ้า โรงงานผลิตอาหาร ปิโตรเคมี และระบบปรับอากาศ
✅ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม – ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้พลังงาน
เลือกใช้ คูลลิ่งทาวเวอร์ หรือ Cooling Tower ที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน และลดต้นทุนพลังงานสำหรับธุรกิจของคุณ!

การบำรุงรักษา (Maintenance)


Spare Part/อะไหล่ Description/รายละเอียด
 ใบพัด (Fan Blade & Hub) →ตรวจเช็คดูว่าน๊อตหลวม หลุด หรือไม่
→ตรวจเช็คสภาพใบ ว่ามีการ บิ่น ร้าว หรือ คดงอหรือไม่
 เกียร์ (Gear) →ฟังเสียงผิดปกติของเกียร์
→ดูการรั่วซึมของน้ำมันเกียร์ ที่เพลาใบพัด รอยต่อของเสื้อเกียร์ หน้าแปลนมอเตอร์
→ตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ มีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันเกียร์หรือไม่
 ฟิลเลอร์ (Filler) →ทำความสะอาดโดยการใช้น้ำฉีดล้างภายในตัวคูลลิ่งทาวเวอร์
 อ่างน้ำร้อน - เย็น (Water Basin) →ทำความสะอาดโดยใช้แปรงขัด รวมถึงบริเวณข้อต่อต่าง ๆ ด้วย และใช้น้ำฉีดล้าง
 ผนัง (Tower Case) →ทำความสะอาดโดยใช้แปรงขัดภายใน ตรวจสอบรอยรั่วซึมระหว่างแผ่นต่อ และใช้น้ำฉีดล้าง
 โครงสร้าง (Structure) →โครงสร้างที่เป็นเหล็ก สามารถเกิดการผุกร่อนได้ ดังนั้นต้องหมั่นตรวจสอบ ถ้ามีสนิมมาก
ควรทำความสะอาด และทาสีใหม่ รวมถึงตรวจสอบการผุกร่อนของน๊อตที่ใช้ยึดชิ้นส่วนต่างๆ ด้วย